Tuesday, January 9, 2007

สัตว์น้ำคุ้มคลอง5



ปลาพะยูน




พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลและกินหญ้าทะเลเป็นอาหาร ลักษณะโดยทั่วไปที่มองเห็นพะยูนก็คือมีรูปร่างคล้ายโลมาอ้วน ๆ ขนาดและรูปร่างของพะยูนกับโลมาโดยทั่วไปเมื่อมองจากผิวน้ำดูคล้ายกัน แต่โดยบรรพบุรุษพะยูนจัดอยู่ใกล้เคียงกับช้างมากกว่าพวกโลมาพะยูน หมูน้ำหรือวัวทะเล (Sea cow) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "Dugong dugon (ดูกอง ดูกอน)" เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในจำนวน 4 ชนิดของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมในลำดับไซรีเนีย (Order Sirenia) ซึ่งทุกชนิดจัดว่าเป็นสัตว์ที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Endangered species) พะยูนกลุ่มใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในพื้นที่ของประเทศออสเตรเลีย สมาชิกอื่นของพะยูนประกอบไปด้วย มานาตีในพื้นที่เวสอินเดียน (ฟลอริดา) มานาตีในเขตลุ่มน้ำอะเมซอน และมานาตีในเขตแอฟริกาตะวันตก มานาตี ต่างจากพะยูนอย่างชัดเจน คือ ลักษณะของหางและถิ่นที่อยู่อาศัย โดยที่มานาตีมีปลายหางกลมแบน และอาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อยและทะเล ส่วนพะยูนมีปลายหางแฉกและอาศัยอยู่ในทะเลเท่านั้น พะยูนโตเต็มที่ยาว 3 เมตรเศษและน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม ลูกพะยูนแรกเกิดยาวเมตรเศษและน้ำหนักเพียง 20-30 กิโลกรัม โดยทั่วไปพะยูนที่มีความยาวน้อยกว่า 2 เมตรยังจัดอยู่ในกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี
พะยูนตัวแรกพะยูนหรือที่ชาวใต้มักนิยมเรียกว่า "ดูหยง" หรือ "ตูหยง" ซึ่งเป็นคำมลายูคาดว่าเพี้ยนมาจากคำว่าดูกอง (Dugong) เมื่อราวสัก 40 - 50 ปีมาแล้วยังพอมีพะยูนให้พบเห็นบ้างในจังหวัดภูเก็ต แต่ในปัจจุบันแทบจะไม่ได้ข่าวคราวการพบเห็นพะยูนเลย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2522 สถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล จังหวัดภูเก็ต (ศูนย์ชีววิทยาทางทะเลในขณะนั้น) ได้รับมอบพะยูนมีชีวิตตัวแรกจากทับละมุ จังหวัดพังงา เป็นพะยูนเพศเมีย ลำตัวยาว 165 ซม. ถูกจับได้เนื่องจากติดอวนลอยของชาวประมง พะยูนตัวนี้นับได้ว่าเป็นพะยูนตัวแรกของประเทศไทยที่ได้นำมาอนุบาล ได้รับความสนใจมาก มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาชมแน่นขนัดเกือบทุกวันจากทั้งในจังหวัดภูเก็ต พังงาและจังหวัดใกล้เคียง แม้หลายคนจะพบกับความผิดหวังที่ไม่ได้พบ "เงือกสาว" ตามที่เคยได้ยินมา แต่ก็ได้รู้จักว่า "พะยูน" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่กินหญ้าทะเลเป็นอาหารนั้นมีรูปร่างหน้าตาจริง ๆ เป็นอย่างไร และที่จริงแล้วพะยูนไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับ "เงือก" อย่างที่ชาวเรือโบราณเล่าขานเป็นนิยายของคนเดินเรือใด ๆ ทั้งสิ้น


No comments: